อาการเมื่อผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยอาการเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อันตรายได้ เช่น เบื่ออาหารอย่างรุนแรง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ภาวะกระดูกพรุน หรืออันตรายจากการหกล้มเนื่องจากร่างกายอ่อนเพลีย
ดังนั้น ครอบครัวจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลโภชนาการของผู้สูงอายุในบ้าน หมั่นจัดการเสมอว่าผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดีต่อสุขภาพที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่เกิดจากอาการอ่อนเพลียได้ด้วย มาดูไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้เลย!

สาเหตุของอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรงในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไรกันนะ?
ก่อนจะไปดูว่าผู้อายุอ่อนเพลียไม่มีแรงกินอะไรดี เราจะต้องทราบก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้คนสูงวัยอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร เกิดจากอะไรบ้าง โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายตามวัย
เมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น เซลล์ในร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมสภาพตามวัย ยกตัวอย่างเช่น เซลล์กล้ามเนื้อลดจำนวนลงตามธรรมชาติ ระบบย่อยและดูดซึมอาหารทำงานได้น้อย ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกสูญเสียความแข็งแรงไป และอีกสาเหตุที่สำคัญคือ การเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี ทำให้ร่างกายผลิตพลังงานได้ไม่เพียงพอนั่นเอง
2. โรคประจำตัวและการใช้ยา
สำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์ ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัย วิตกกังวล หรือโรคอื่น ๆ มักจะประสบปัญหาร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรงจากผลกระทบของโรค รวมไปถึงกรณีที่ผู้สูงอายุจำเป็นต้องใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ยาควบคุมความดันโลหิต ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ยานอนหลับ ก็อาจทำให้ผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร หรือง่วงซึมได้
3. ปัญหาการนอนและพักผ่อน
การนอนหลับในผู้สูงอายุจำเป็นต้องเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพ เรามักจะเห็นบ่อยครั้งว่าผู้สูงอายุนอนไม่หลับ นอนน้อย หรือตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันมักเป็นผลมาจากสุขภาพ โรคประจำตัว หรือฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ พักผ่อนไม่เป็นเวลา รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร
4. ดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือมีภาวะขาดน้ำ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หลายท่านมักจะละเลยการดื่มน้ำ เพราะไม่ได้รู้สึกกระหายเป็นพิเศษเหมือนตอนอายุน้อย โดยหากร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากผู้สูงอายุแขนขาอ่อนแรง หน้ามืด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร จึงอาจมีสาเหตุมาจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอนั่นเอง
5. ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
นอกจากการดื่มน้ำจะสำคัญแล้ว สารอาหารที่ผู้สูงอายุควรได้รับก็สำคัญเช่นกัน หากครอบครัวหรือผู้ดูแลไม่สามารถจัดการโภชนาการให้เหมาะสมกับผู้สูงวัย ก็อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายได้ ตั้งแต่โปรตีน, วิตามินบี 12, แคลเซียม, คอลลาเจน, เหล็ก หรือแร่ธาตุอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้สูงอายุได้รับพลังงานไม่เพียงพอต่อวัน เบื่ออาหาร ทานได้น้อยลง เสี่ยงต่อภาวะอ่อนเพลียมากขึ้น
กลุ่มสารอาหารสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังงานในผู้สูงอายุ
แน่นอนว่าโภชนาการที่ดีคือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดีต่อสุขภาพ ช่วยฟื้นฟูพลังงานของผู้สูงอายุบ้าง มาดูกันเลย!
1. โปรตีนคุณภาพสูง
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ พร้อมซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ด้วย มาดูกันว่าแหล่งโปรตีนสำหรับผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดี?
- ปลา แหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย อุดมด้วยโอเมก้า-3
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หมู ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนและธาตุเหล็ก
- ไข่ โปรตีนคุณภาพดี มีวิตามินบี 12 และวิตามินดี
- ถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนจากพืชที่มีใยอาหารสูง
2. วิตามินบีรวม
ยกตัวอย่างเช่น วิตามินบี 1, วิตามินบี 6 หรือวิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงาน หากผู้สูงอายุรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดี? แนะนำให้ลองมองหาวิตามินบีรวมก่อนได้เลย! ตัวอย่างแหล่งอาหารเช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ตับ ไข่ และผักใบเขียว เป็นต้น
3. แร่ธาตุสำคัญชนิดต่าง ๆ
ผู้สูงอายุต้องการแร่ธาตุหลากหลายชนิด เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย ยกตัวอย่างแร่ธาตุที่สำคัญเช่น
- ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ยกตัวอย่างอาหารเช่น ตับ ไข่แดง เนื้อแดงไม่ติดมัน
- แมกนีเซียม ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ เสริมสร้างพลังงานและลดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหารในผู้สูงอายุได้ดี ยกตัวอย่างอาหารเช่น กล้วย ผักใบเขียว อัลมอนด์
- สังกะสี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกายและส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ที่มีบทบาทในการผลิตพลังงานในเซลล์ ยกตัวอย่างอาหารเช่น หอยนางรม เมล็ดทานตะวัน เนื้อสัตว์

เทคนิคการเตรียมอาหารให้เหมาะกับผู้สูงอายุ
การเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการช่วยเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกาย หากผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ ก็จะช่วยลดความอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหารได้ เรามาดูกันว่าการเตรียมอาหารให้เหมาะกับผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
1. การปรุงอาหารให้นุ่มและย่อยง่าย
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของฟันและการย่อยอาหาร ดังนั้น ครอบครัวหรือผู้ดูแลจึงควรเลือกวิธีการปรุงอาหารให้นุ่ม เคี้ยวง่ายและย่อยง่าย ยกตัวอย่างเช่น การนึ่ง ต้ม หรือตุ๋น แทนการทอดหรือย่าง นอกจากนี้ การหั่นอาหารให้เป็นชิ้นพอดีคำยังช่วยให้ผู้สูงอายุย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น เพราะเคี้ยวได้สะดวก ทานง่าย
2. การจัดสัดส่วนอาหารที่เหมาะสม
การแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ อย่างน้อยวันละ 4-5 มื้อ จะช่วยลดภาระของระบบย่อยอาหารไม่ให้ทำงานหนักเกินไปในการย่อยมื้อใหญ่ ๆ หรือมื้อหนัก ซึ่งจะช่วยให้การดูดซึมสารอาหารทำงานได้ดีขึ้นตามไปด้วย แนะนำให้จัดสัดส่วนอาหารแบบเน้นผัก ผลไม้ หรือเพิ่มไฟเบอร์เข้าไปในมื้อนั้น ๆ ด้วย เพราะมีสารอาหารอย่างวิตามินและแร่ธาตุหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ ผู้ดูแลควรจำกัดอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงและน้ำตาลสูง เพราะอาหารเหล่านี้มักย่อยได้ยากในผู้สูงอายุ ทำให้อ้วนง่าย ไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดด้วย
3. การจัดตารางมื้ออาหาร
การกำหนดมื้ออาหารที่แน่นอนจะช่วยสร้างวินัยในการรับประทานอาหาร และช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดเตรียมอาหารว่างที่ย่อยง่าย ได้พลังงาน และมีประโยชน์ หากผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดีต่อสุขภาพ อาจจัดสรรเป็นผลไม้สด หรือถั่วชนิดต่าง ๆ เอาไว้ด้วย พร้อมกับการจัดเวลาให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอวันละ 6-8 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
4. การดูแลสุขภาพโดยรวม
นอกจากการจัดสรรอาหารอย่างเหมาะสมแล้ว การดูแลสุขภาพด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุมก็สำคัญเช่นกัน! โดยครอบครัวควรส่งเสริมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ เช่น โยคะ เต้นแอโรคบิกแบบเบา ๆ หรือการเดินเล่นในสวนหรือรอบบ้าน เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ ก็ต้องให้ความสำคัญกับการนอนพักผ่อนและทำกิจกรรมคลายเครียดเป็นระยะเพื่อสุขภาพจิตที่ดีร่วมด้วย
สรุปบทความ
ผู้สูงอายุอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กินอะไรดี? มักเป็นคำถามที่พบได้บ่อย ๆ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าร่างกายที่อายุมากขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าเดิม ครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องอาหารและการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ ร่วมกับการดูแลสุขภาพด้านอื่น ๆ จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม หากอาการอ่อนเพลียเป็นมากหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
หากครอบครัวต้องการความช่วยเหลือในการดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร SaiJai.co พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิด ให้คำปรึกษาและแนะนำบริการดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาผู้ดูแลมืออาชีพ หรือแนะนำศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและสบายใจที่สุด!
ติดต่อ SaiJai.co เพื่อปรึกษาเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ:
📞 โทร: 063-216-9343
✉️ อีเมล: hi@saijai.co
💬 Line: @saijaiofficial
🌐 เว็บไซต์: SaiJai.co