อัตราการเต้นของหัวใจปกตินั้นแตกต่างกันตามอายุ เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นการเต้นของหัวใจก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย อีกทั้งกิจกรรมและการใช้ชีวิตเองก็ยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเต้นของหัวใจด้วย แล้วอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัยจะเป็นอย่างไร และชีพจรปกติควรอยู่ที่เท่าไหร่ ในบทความนี้เรามีคำตอบมาบอกกัน
อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ตามอายุ คืออะไร?
อัตราการเต้นของหัวใจปกติตามอายุ คือ จำนวนการเต้นของหัวใจต่อ 1 นาที ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามความหนักและเบาของกิจกรรม หรือสิ่งที่กระตุ้น ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้อัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัยยังมีความแตกต่างกันด้วย ซึ่งก็มาจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในแต่ละช่วงวัยนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เมื่อทำกิจกรรมอย่างการวิ่ง เดินเร็ว การเต้นของหัวใจก็จะเร็วขึ้น หรือแม้แต่การอยู่ในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น วิตกกังวล สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นได้อีกด้วย
ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นปกติแล้ว อายุ และปัญหาสุขภาพบางอย่างยังส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติได้เช่นกัน ดังนั้น การทราบถึงอัตราการเต้นของหัวใจปกติตามช่วงอายุก็จะช่วยให้ประเมินได้ว่า กำลังอยู่ในภาวะที่มีความผิดปกติในร่างกายหรือไม่

อัตราการเต้นของหัวใจปกติตามอายุ ในแต่ละช่วงวัย
อัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัย ตามปกติแล้วจะมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย ซึ่งจะมีเกณฑ์ปกติที่ใช้วัดเป็นมาตรฐาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
อัตราการเต้นของหัวใจแต่ละช่วงวัย
- ทารกแรกเกิด – 1 เดือน : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 120 – 160 ครั้ง/นาที
- อายุ 1 – 12 เดือน : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 80 – 140 ครั้ง/นาที
- อายุ 12 เดือน – 2 ปี : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 80 – 130 ครั้ง/นาที
- อายุ 2 ปี – 6 ปี : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 75 – 120 ครั้ง/นาที
- อายุ 6 – 12 ปี : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 75 – 110 ครั้ง/นาที
- อายุ 12 ปี ขึ้นไป : อัตราการเต้นของหัวใจตามปกติ ประมาณ 60 – 100 ครั้ง/นาที
สำหรับวัยผู้ใหญ่ไปจนถึงผู้สูงอายุนั้น อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ตามอายุในช่วงนี้จะอยู่ที่ 60 – 100 ครั้งต่อนาที ซึ่งบางคนอาจมีอัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำกว่าได้หากเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ อาจพบว่ามีอัตราการเต้นของหัวใจที่ 40 – 50 ครั้งได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังสามารถแบ่งความผิดปกติของอัตราการเต้นของหัวใจได้อีก 2 ประเภท คือ
อัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป
กรณีที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้วมีอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที แม้เป็นเวลานั่งพัก ภาวะแบบนี้จะเรียกว่าเป็นภาวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Tachycardia) แต่ถึงจะเป็นการเต้นหัวใจที่เร็วกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอันตรายเสมอไป เพราะอาจมีสาเหตุจากความตื่นเต้น วิตกกังวล หรือมีความกลัว แต่หากเต้นเร็วควบคู่ไปกับอาการเวียนศีรษะ ใจสั่น เจ็บหน้าอก หรือหายใจถี่ อ่อนเพลีย รวมถึงมีอาการเกิดขึ้นเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่จะดีที่สุด
อัตราการเต้นของหัวใจที่ช้าเกินไป
อัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัยยังสามารถช้ากว่าที่ควรจะเป็นได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ที่อาจพบภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) ซึ่งก็เป็นภาวะที่ไม่ได้อันตรายเสมอไป หากมีประวัติเคยเป็นนักกีฬา หรือออกกำลังกายเป็นประจำ อัตราการเต้นของหัวใจปกติของคนกลุ่มนี้ในขณะนั่งพักอาจต่ำกว่า 40 – 50 ครั้งต่อนาทีได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอัตราการเต้นหัวใจที่ลดลง ร่วมกับหน้ามืด เป็นลม อาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะความดันโลหิตต่ำได้
วิธีคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจปกติ ตามอายุ
สำหรับการตรวจหาอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัย เพื่อเช็กว่าชีพจรปกติควรอยู่ที่เท่าไหร่ และเสี่ยงต่อภาวะความเจ็บป่วยทางกายอื่น ๆ อยู่หรือไม่ สามารถใช้วิธีคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจปกติ ตามอายุได้ โดยใช้วิธีอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมต่อการออกกำลังกายได้ ดังนี้
สูตรคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจ
วิธีคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมต่อการออกกำลังกาย สามารถใช้สูตร (220 – อายุ) x 75 / 100 = “จำนวนอัตราการเต้นหัวใจต่อนาทีที่เหมาะสม” ตัวอย่างเช่น อายุ 65 ปี สามารถคิดจากสูตรได้ตามนี้ (220 – 65) = 155, 155 x 75 = 11,625, 11,625 / 100 = 116 สรุปได้ว่าหากมีอายุ 65 ปี การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรมีอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 116 ครั้ง อย่างไรก็ตามการหาตัวเลขที่เหมาะสมกับการออกกำลังในแต่ละโซนสามารถใช้หลักต่อไปนี้
โซน 1 การออกกำลังแบบเบามาก
- การเต้นของหัวใจควรอยู่ที่ 50 – 60% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
- ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย
- การหายใจยังทำได้ตามปกติ ไม่หอบเหนื่อย
โซน 2 การออกกำลังแบบเบา
- อัตราการเต้นของหัวใจควรอยู่ที่ 60 – 70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
- ออกกำลังกายที่เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
- เริ่มหายใจหอบเล็กน้อย มีเหงื่อซึมเยอะขึ้น
โซน 3 การออกกำลังแบบปานกลาง
- อัตราการเต้นของหัวใจควรอยู่ที่ 70 – 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
- ออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญ ลดไขมัน เสริมความแข็งแกร่งและความทนทานให้ร่างกาย
- อาการเหนื่อยหอบแรงขึ้น พร้อมปริมาณเหงื่อออกเยอะมาก
โซน 3 การออกกำลังแบบหนัก
- อัตราการเต้นของหัวใจควรอยู่ที่ 80 – 90% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
- เป็นการออกกำลังกายที่เพิ่มประสิทธิภาพให้ร่างกายสำหรับนักกีฬา
โซน 4 การออกกำลังแบบหนัก
- อัตราการเต้นของหัวใจควรอยู่ที่ 90 – 100% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
- เหมาะกับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและได้รับการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีแล้ว
- ไม่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย หรือผู้ที่ไม่เคยรับการฝึก

วิธีดูแลหัวใจให้มีอัตราการเต้นหัวใจปกติตามอายุ
แม้ว่าอายุที่เปลี่ยนแปลงไปจะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนตามไปด้วย แต่ก็สามารถดูแลและควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือมีอัตราการเต้นหัวใจปกติ ตามอายุของแต่ละคนได้ โดยสามารถทำได้ด้วย 3 วิธี ต่อไปนี้
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นวิธีช่วยบริหารสุขภาพหัวใจได้ดี แต่อาจต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงวัยของแต่ละคนด้วย เช่น ผู้สูงวัยอาจเลือกใช้การออกกำลังกายด้วยวิธีเดินเร็วแทนการวิ่ง หรือปั่นจักรยานเบา ๆ แทนการคาร์ดิโอหนัก ๆ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วเหนื่อยหอบเพื่อความปลอดภัย
การควบคุมอาหาร
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอก็เป็นวิธีที่ช่วยสร้างสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงได้ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคืออาหารที่มีโซเดียมและไขมันอิ่มตัวสูง ควรบริโภคผักผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน
ผ่อนคลายจากความเครียด
เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ ความเครียด และความดันโลหิต การฝึกผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีทำสมาธิ หรือ หาเวลาผ่อนคลายบรรเทาจิตใจ ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยลดภาวะหัวใจเต้นเร็ว รวมถึงลดความเสี่ยงได้อีกหลายโรคที่มาสาเหตุจากความเครียดสะสมอีกด้วย
ตรวจสุขภาพหัวใจ วิธีลดความเสี่ยงภาวะความผิดปกติของหัวใจ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงได้แล้ว การตรวจสุขภาพหัวใจ หรือสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ก็ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจ และเป็นวิธีที่ช่วยคงอัตราการเต้นของหัวใจปกติได้ตามอายุอีกด้วย ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพหัวใจนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคนและความเสี่ยงของโรค
วิธีตรวจสุขภาพหัวใจ
สำหรับวิธีตรวจสุขภาพหัวใจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบัน จะมีอยู่ทั้งหมด 5 วิธีด้วยกัน คือ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography : EKG)
- การตรวจคราบหินปูหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Calcium Scoring)
- การตรวจเอกซเรย์หลอดเลือดหัวใจ (Coronary CCTA)
- การตรวจสมรรถภาพหัวใจในขณะทำการออกกำลังกาย (Exercise Stress Test : EST)
- การสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization Angiography : CAG)
สรุป อัตราการเต้นหัวใจ เรื่องสำคัญสำหรับผู้สูงวัย
การเช็กอัตราการเต้นของหัวใจปกติตามอายุ ไม่ใช่เรื่องที่นักกีฬาต้องให้ความสำคัญเท่านั้น เพราะผู้สูงวัยทุกคนเองก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่เคยมีอาการวิงเวียน หน้ามืด หัวใจเต้นเร็ว หรือใจสั่น ภาวะแบบนี้เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะอาจมีโรคแฝงบางอย่างอยู่ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ หรือไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ อาจลองสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ก็เป็นวิธีเบื้องต้นที่จะช่วยประเมินปัญหาสุขภาพเพื่อหาแนวทางป้องกันในอนาคตได้
การดูแลผู้สูงอายุอย่างถูกวิธีไม่เพียงแค่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรค หรือความเจ็บป่วยที่อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงได้ หากคุณหรือครอบครัวที่กำลังดูผู้สูงอายุแล้วกังวลใจว่าจะมีเวลาไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงในทุกช่วงเวลา SaiJai.co ได้รวบรวมบ้านพักผู้สูงวัยจากหลากหลายพื้นที่ให้ได้ค้นหาตามความเหมาะสม
โดยบ้านพักผู้สูงวัยบน SaiJai.co มีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้คำปรึกษา พร้อมทั้งเข้าใจในการบริการผู้สูงวัย มั่นใจได้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ และสามารถตรวจสอบได้จากรีวิวของผู้เคยใช้บริการ เพื่อให้คุณเลือกได้ตอบโจทย์ เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด