อาหารเสริมผู้สูงอายุ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยบำรุงสุขภาพของผู้สูงอายุให้ดี เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของผู้สูงอายุมักสูญเสียความสามารถในการดูดซึม และไม่สามารถรับสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้สูงอายุหลายคนต้องพึ่งพาอาหารเสริมเพื่อชดเชยสารอาหารที่ขาดหายไป ทั้งนี้ การเลือกใช้อาหารเสริมสูงวัยอย่างเหมาะสมและปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ แต่ยังป้องกันภาวะโรคเรื้อรังที่มาพร้อมกับวัยชราได้อีกด้วย ในบทความนี้ SaiJai.co จะพามาดูกันว่าอาหารเสริมผู้สูงนั้นมีอะไรบ้าง? สำคัญอย่างไร ต้องเลือกทานแบบไหน และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
อาหารเสริมผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร?
จากที่ได้กล่าวไปว่า อาหารเสริมผู้สูงอายุมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารผู้สูงอายุที่จำเป็นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา เช่น ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารลดลงและความต้องการสารอาหารที่เพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้สูงอายุมีปัญหาในการเคี้ยวหรือกลืนอาหาร อาหารเสริมจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญในการช่วยให้ได้รับสารอาหารผู้สูงอายุที่จำเป็น เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีน ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท ช่วยบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น
นอกจากนี้ อาหารเสริมยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ช่วยให้มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น มีความกระฉับกระเฉง และสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย การรับประทานอาหารเสริมที่เหมาะสมยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคกระดูกพรุนหรือโรคความจำเสื่อม ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุในระยะยาวนั่นเอง
รวมอาหารเสริมผู้สูงอายุที่ควรทาน มีอะไรบ้าง?
ในช่วงวัยสูงอายุ ร่างกายของเรามักต้องการการดูแลและบำรุงพิเศษเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง การรับประทานอาหารที่หลากหลายอาจไม่เพียงพอในการเติมเต็มสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ดังนั้น อาหารเสริมผู้สูงอายุจึงกลายเป็นทางเลือกที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพที่แข็งแรงของผู้สูงวัย มาดูกันเลยว่ามีสารอาหารชนิดไหนที่ผู้สูงอายุควรเสริมเข้ามาบ้าง
1. วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพกระดูกและฟัน โดยช่วยในการดูดซึมแคลเซียมซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เพียงพอสามารถลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนและอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้ โดยควรรับประทานวิตามินดีผู้สูงอายุในปริมาณ 600IU ต่อวันขึ้นไป และควรรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันเพื่อช่วยในการดูดซึม เนื่องจากเป็นวิตามินผู้สูงอายุที่ละลายในไขมัน นอกจากนี้ การรับแสงแดดอ่อนๆ วันละ 10-15 นาที ก็สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตวิตามินดีได้ด้วยนะ!
2. แคลเซียม (Calcium)
แคลเซียมมีความสำคัญต่อการรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟันเช่นเดียวกับวิตามินดี และยังมีส่วนช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ปริมาณที่แนะนำสำหรับการทานเป็นอาหารเสริมผู้สูงอายุคือ 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน ควรแบ่งการบริโภคเป็นหลายมื้อตลอดวันเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด และการรับประทานร่วมกับวิตามินดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม (ผู้ที่มีประวัตินิ่วในไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม)
3. วิตามินบี 12 (Vitamin B12)
วิตามินบี 12 เป็นสารอาหารผู้สูงอายุที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการป้องกันโรคสมองเสื่อม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยปริมาณการกินวิตามินบี 12 เป็นอาหารเสริมสูงวัยที่แนะนำคือ 2.5 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งสามารถรับประทานในรูปแบบเม็ดหรือฉีดได้ในกรณีที่มีปัญหาการดูดซึม แต่ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออาหารเสริมวิตามินบี 12 ผู้สูงอายุมาทาน
4. โอเมกา-3 (Omega-3)
กรดไขมันหรือโอเมกา-3 มีบทบาทในการลดการอักเสบในร่างกายและส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการบำรุงสายตาและอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม การบริโภคโอเมกา-3 เป็นอาหารเสริมผู้สูงอายุในปริมาณไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน (หรือน้อยกว่าหากได้รับโอเมกา-3 จากอาหารทั่วไปแล้ว) จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และควรทานโอเมกา-3 พร้อมอาหารเพื่อลดอาการข้างเคียง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานโอเมกา-3 นะ!
5. วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันไม่ให้ป่วยบ่อย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เป็นอย่างนี้ ซึ่งคอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่สำคัญต่อสุขภาพผิวและข้อต่อ โดยสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป การได้รับวิตามินซีในปริมาณ 75 มิลลิกรัมขึ้นไปต่อวันจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสะสมวิตามินซีได้ (หากทานมากเกินกว่า 2,000 มิลลิกรัม ส่วนเกินอาจถูกขับทิ้งทางปัสสาวะหรือก่อให้เกิดอาการท้องเสีย)
6. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณ นอกจากนี้ยังอาจมีบทบาทในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด การบริโภควิตามินอีในปริมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวันจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุ โดยควรรับประทานวิตามินอีพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อให้สามารถดูดซึมได้ดี (สำหรับผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินอีเป็นอาหารเสริมผู้สูงอายุ)
7. แมกนีเซียม (Magnesium)
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูก และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุควรทานอาหารเสริมแมกนีเซียมอย่างน้อย 320 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ควรเริ่มจากปริมาณน้อยและค่อยๆ เพิ่มปริมาณ แต่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อคำนวณสัดส่วนปริมาณแมกนีเซียมที่เหมาะสม
8. โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
โปรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพระบบทางเดินอาหารและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การรับประทานโปรไบโอติกส์อาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและอาการท้องผูก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยปริมาณที่แนะนำจะขึ้นอยู่กับชนิดของโปรไบโอติกส์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ทั้งนี้ การรับประทานโปรไบโอติกส์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น เราสามารถพบโปรไบโอติกส์ในอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ แต่จะต้องระวังเรื่องความสะอาดด้วย
9. โคเอนไซม์ Q10 (Coenzyme Q10)
โคเอนไซม์ Q10 มีบทบาทในการผลิตพลังงานในระดับเซลล์และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดจากการใช้ยาลดไขมันในเลือด (Statins) สำหรับการบริโภคโคเอนไซม์ Q10 ควรรับประทานในปริมาณ 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้เป็นอาหารเสริมผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยาลดความดันโลหิตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานโคเอนไซม์ Q10
10. สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba)
สารสกัดจากใบแปะก๊วยมีความเชื่อมโยงกับการปรับปรุงการทำงานของสมองและความจำ นอกจากนี้ยังอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยในปริมาณ 120-240 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งเป็น 3 มื้อ มื้อละ 40 มิลลิกรัม จะช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้น
วิธีการเลือกและบริโภคอาหารเสริมผู้สูงวัยอย่างปลอดภัย
สำหรับผู้สูงวัย การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และการเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ดี แต่เนื่องจากสภาพร่างกายของผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องการเผาผลาญสารอาหารและการตอบสนองต่อยา การเลือกอาหารเสริมจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้ประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกาย มาดูกันว่ามีแนวทางการเลือกบริโภคอาหารเสริมสูงวัยอย่างไรบ้าง
-
ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริม ผู้สูงอายุหรือครอบครัวควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อตรวจสอบว่าสารอาหารที่ต้องการเสริมมีความจำเป็นหรือไม่ และจะมีปฏิกิริยากับยาประจำตัวที่กำลังใช้อยู่หรือเปล่า
-
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง ควรเลือกอาหารเสริมที่ได้รับการรับรองจากองค์กรหรือหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
-
อ่านฉลากและข้อมูลส่วนประกอบเสมอ ควรตรวจสอบส่วนผสมและปริมาณของสารอาหารผู้สูงอายุในผลิตภัณฑ์ รวมถึงข้อควรระวังหรือคำแนะนำการใช้เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับความต้องการทางโภชนาการของเราหรือไม่
-
บริโภคตามคำแนะนำ ควรรับประทานอาหารเสริมตามปริมาณที่แนะนำในฉลากหรือคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคเกินขนาดซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้
-
สังเกตอาการข้างเคียง หากเกิดอาการข้างเคียงหลังจากการบริโภคอาหารเสริม เช่น อาการแพ้ ท้องอืด หรือปวดท้อง ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที
-
ไม่ใช้เป็นทางเลือกแทนอาหารหลัก อาหารเสริมควรใช้เพื่อเสริมสารอาหารผู้สูงอายุที่ขาด ไม่ใช่ทางเลือกแทนการทานอาหารหลัก ควรเน้นการรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม
-
ระวังการโฆษณาเกินจริง ควรระมัดระวังผลิตภัณฑ์ที่มีการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เน้นการตลาดหรือโฆษณาเกินจริง แต่ไม่สนับสนุนด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังสำหรับการใช้อาหารเสริมในผู้สูงอายุ
การใช้อาหารเสริมในผู้สูงอายุสามารถเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพและป้องกันการขาดสารอาหารได้ อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารเสริมไม่ถูกต้องหรือไม่ระมัดระวังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงจากการรับประทานยาและการเผาผลาญสารอาหารที่เปลี่ยนไปในวัยนี้ การรู้เท่าทันถึงผลข้างเคียงและข้อควรระวังจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
-
การใช้เกินขนาด การรับประทานเกินความจำเป็นอาจสะสมในร่างกายจนเป็นพิษได้ เช่น วิตามินเอ แคลเซียม
-
ปฏิกิริยากับยา อาหารเสริมบางชนิดอาจลดประสิทธิภาพของยา เช่น วิตามินเคอาจไปรบกวนการทำงานของยาต้านการแข็งตัวของเลือด
-
ระบบย่อยอาหาร ผู้สูงอายุอาจท้องอืดหรือระคายเคืองจากการทานอาหารเสริมที่เป็นธาตุเหล็กหรือสังกะสี
-
การแพ้ สารบางชนิดในอาหารเสริมอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
-
การสะสมในร่างกาย สารอาหารบางชนิดอาจสะสมหากรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี
-
ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน บางอาหารเสริมอาจไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทาน
-
การทดแทนอาหารหลัก ควรใช้อาหารเสริมเป็นการเสริมอาหารหลัก ไม่ใช่ทดแทน
สรุป
อาหารเสริมผู้สูงอายุ สามารถเป็นตัวช่วยสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุให้ดีขึ้น แต่ต้องระวังผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เกินขนาด หรือการมีปฏิกิริยากับยาที่รับประทาน การปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้อาหารเสริมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงอายุได้รับประโยชน์สูงสุดโดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าจะเลือกอาหารเสริมผู้สูงอายุอย่างไรดี การปรึกษานักโภชนาการหรือการหาคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพราะคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจะมีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการและการดูแลกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุมากกว่า ซึ่งเราสามารถคัดกรองการดูแลเหล่านี้ได้ผ่าน SaiJai.co เรารวมฟีเจอร์มาให้ รับจบเรื่องหาคนดูแลผู้สูงอายุที่ตรงใจ ลองได้เลย!
แหล่งอ้างอิง
- https://biopharmshop.com/supplements-for-elderly/
- https://www.bdmswellness.com/knowledge/silver-age-nutrients
- https://www.nia.nih.gov/health/vitamins-and-supplements/dietary-supplements-older-adults
- https://www.healthline.com/nutrition/10-of-the-best-supplements-for-healthy-aging
- https://www.healthline.com/nutrition/a-definitive-guide-to-supplements-for-healthy-aging
- https://www.healthcentral.com/nutrition/best-and-worst-supplements-for-seniors